|  หน้าหลัก  |  ประวัติหลวงพ่อสด  |  หลักธรรมะ  |  บทสวดมนต์  |  วิชาธรรมกาย  |  หนังสือธรรมะ  |
  ประวัติหลวงพ่อสด
  หลักธรรม
  บทสวดมนต์
  วิชาธรรมกาย
  หนังสือธรรมะ
--------------------------------
  เทศนา
  วิธีนั่งสมาธิ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ทศชาติชาดก
  นิทานธรรมะ
  เรื่องสั้นสอนใจ
--------------------------------
ทศชาติชาดก
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 112
           จากตอนที่แล้ว มโหสถบัณฑิตได้ส่งนักรบสหชาติที่เกิดวันเดียวกับตน ไปคอยสอดแนมในราชสำนักทุกแคว้นทั่วชมพูทวีป คอยระวังภัยจากศึกสงครามที่อาจจะมาถึงมิถิลานคร ฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญใดๆในชมพูทวีป เหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมดก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของมโหสถบัณฑิต ผู้สำเร็จราชการแห่งมิถิลานครไปได้เลย โดยจะมีสุวโปดกลูกนกแขกเต้านามว่า มาถูระ คอยเป็นผู้ส่งข่าวให้

          ก็ในกาลนั้น มีพระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้าสังขพลกะ แห่งแคว้นกัมพลรัฐ วันหนึ่งท้าวเธอทรงให้เรียกระดมพล เตรียมการรบอย่างเต็มที่ มโหสถบัณฑิตทราบข่าว จึงได้เรียกเจ้ามาถูระมาสั่งให้ไปสืบข่าวดูให้แน่ชัดว่า พระเจ้าสังขพลกะทรงเรียกระดมพลทำไมกัน

       เจ้านกแขกเต้ามาถูระ รับบัญชาแล้วก็บินมุ่งตรงไปยังแคว้นกัมพลรัฐทันที แฝงตัวเข้าไปหาผู้สืบราชการลับ แล้วก็ค่อยๆสืบหาข่าว ครั้นทราบความชัดแล้ว ก็ได้เที่ยวบินตระเวนไปสืบข่าวตามแคว้นต่างๆ อีก จนกระทั่งบินมาถึงกรุงปัญจาลนคร แคว้นกัปปิลรัฐ

       ณ นครปัญจาละนั่นเอง มีพราหมณ์ปุโรหิตนามว่า เกวัฏ เป็นราชบัณฑิตของพระเจ้าจุลนีพรหมทัต พราหมณ์เกวัฏนั้น เมื่อได้ตรวจดูยศศักดิ์อัครฐานที่ตนได้รับพระราชทานแล้ว ก็คิดจะสถาปนาพระเจ้าจุลนีให้เป็นมหาราชสูงสุด ครั้นแล้วจึงได้จัดแจงแต่งตัวเข้าเฝ้าพระราชาของตนในทันที

       พระเจ้าจุลนีทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์เกวัฏมาเฝ้า จึงรับสั่งถามว่า “ท่านอาจารย์มาแต่เช้า มีธุระอะไรรีบด่วนหรือ”
พราหมณ์เกวัฏกราบทูลว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้ามีเรื่องที่จะกราบทูลปรึกษาพระพุทธเจ้าข้า”

       “เชิญสิท่านอาจารย์ มีอะไรก็จงพูดมาเถิด” ท้าวเธอตรัสอนุญาต
พราหมณ์เกวัฏเป็นผู้มีปัญญา เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงทูลท้าวเธอว่า “ขอเดชะ เรื่องที่ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลปรึกษาครั้งนี้เป็นความลับสำคัญ จำเป็นต้องปรึกษากันในที่ลับ ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงใคร่ขอทูลเชิญฝ่าพระบาทเสด็จไปสู่พระราชอุทยานเถิดพระพุทธเจ้าข้า”

       “สำคัญมากถึงเพียงนั้นเลยหรือท่านอาจารย์” พระเจ้าจุลนีทรงฉงนพระทัยยิ่งนัก เพราะสังเกตเห็นพราหมณ์เกวัฏระแวดระวังตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

       “พระเจ้าข้า เรื่องนี้สำคัญมากทีเดียว” พราหมณ์เกวัฏกราบทูล

       ครั้นพระเจ้าจุลนีทรงสดับว่าเป็นเรื่องสำคัญ ท้าวเธอก็ไม่ทรงช้า รีบเสด็จไปสู่พระราชอุทยานกับพราหมณ์เกวัฏในทันที

       ครั้นเสด็จถึงพระราชอุทยานแล้ว ท้าวเธอก็มีพระดำรัสสั่งให้กองพลทหารทำการอารักขาอยู่ภายนอกห่างๆ ส่วนพระองค์ได้เสด็จไปกับพราหมณ์เกวัฏเพียงสองคนเท่านั้น

       เมื่อเสด็จพระดำเนินถึงกลางพระราชอุทยาน พระเจ้าจุลนีก็เสด็จขึ้นประทับนั่งเหนือพระราชบัลลังก์ พร้อมกับรับสั่งถามพราหมณ์เกวัฏว่า “ท่านอาจารย์ ก็ในที่นี้มีเพียงเรากับท่านเท่านั้น เรื่องสำคัญที่ท่านว่านั่นน่ะ เป็นอย่างไรก็จงพูดไปตามสบายเถิด”

       พราหมณ์เกวัฏเหลียวมองโดยรอบพระราชอุทยาน จนมั่นใจว่าปลอดผู้คนจริงๆ จึงเริ่มกราบทูลถึงแผนการตามที่ตนคิดฝันไว้เมื่อรุ่งสาง ให้ท้าวเธอทรงเห็นภาพที่สวยหรูในฐานะจอมอธิราชผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้ใดในผืนชมพูทวีป

       พระเจ้าจุลนีผู้ปรารถนาความยิ่งใหญ่อยู่แล้ว มีหรือที่จะไม่ทรงโสมนัส ท้าวเธอทรงสดับคำทูลของพราหมณ์เกวัฏด้วยพระหฤทัยที่ฮึกเหิมยิ่งนัก “แล้วเราควรจะทำอย่างไรล่ะ ท่านอาจารย์” ท้าวเธอตรัสถามด้วยความสนพระทัย

       “ไม่ยากเลยพระพุทธเจ้าข้า หากว่าพระองค์ทรงทำตามที่ข้าพระองค์กราบทูล ทุกอย่างก็จะสำเร็จอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า” พราหมณ์เกวัฏทูลยืนยันให้ท้าวเธอทรงมั่นพระทัยยิ่งขึ้นอีก

       “ข้าแต่สมมติเทพ กองกำลังของปัญจาลนครมีมากถึง ๑๘ กองทัพใหญ่ ในฐานะจอมทัพผู้เกรียงไกร ขอพระองค์ได้โปรดมีพระราชโองการสั่งให้จัดเตรียมกองทัพให้พร้อม แล้วบุกเข้าล้อมแคว้นต่างๆ ทีละแคว้น

       ครั้นล้อมเมืองไว้ได้แล้ว ข้าพระบาทจักรับอาสาเข้าไปแจ้งแก่พระราชาในเมืองนั้นว่า บัดนี้พระเจ้าจุลนีพรหมทัตได้ทำการล้อมเมืองของพระองค์ไว้ทุกด้านแล้ว ขอท่านจงยอมจำนนต่อเจ้าเหนือหัวของเราแต่โดยดีเถิด อย่าได้ทำการสู้รบให้เหนื่อยยากเลย

       เพราะเจ้าเหนือหัวแห่งเราทรงยาตราทัพมาครั้งนี้ มิได้ทรงต้องการราชบัลลังก์แต่อย่างใด ทรงปรารถนาเพียงราชสมบัติที่มีอยู่ในแคว้นนี้เท่านั้น แต่ถ้าพระองค์จักทำการรบ พระองค์ก็จะประสบแต่ความปราชัยสถานเดียว เพราะกำลังพลของพระเจ้าจุลนีพรหมทัตนั้นมีมากมายมหาศาลเหลือเกิน”

       พระเจ้าจุลนีทรงทรงพอพระทัยในอุบายของพราหมณ์เกวัฏ ตรัสว่า “เข้าทีทีเดียวล่ะ ท่านอาจารย์”

       “พระพุทธเจ้าข้า เมื่อพระราชาเหล่านั้นยอมตามโดยดี เราก็จะจับพระราชานั้นไว้ รวบรวมราชสมบัติทั้งหมด พร้อมกับสบทบกำลังพลในเมืองนั้น หนุนกองทัพปัญจาลนครให้มากยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก จากนั้นก็จะเข้ายึดเมืองอื่นๆต่อไป พระพุทธเจ้าข้า”
ท้าวเธอจึงรับสั่งถามว่า “ถ้าพระราชาเหล่านั้นไม่ทรงยินยอมง่ายๆ แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ท่านอาจารย์”

       พราหมณ์เกวัฏถูกท้าวเธอตรัสถามเช่นนั้น ก็รีบทูลตอบโดยไม่ลังเลใจว่า “เราก็จักทำการรบ แล้วปลงพระชนม์พระราชาเหล่านั้นให้สิ้นพระชนม์ไปเลย พระพุทธเจ้าข้า”

       “อืมม...ก็ดีเหมือนกัน จะได้หมดเสี้ยนหนามไปเลย” ท้าวเธอทรงรำพึงเบาๆ

       “แผนการของข้าพระองค์ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”

       “มีอะไรอีกหรือท่านอาจารย์” ท้าวเธอทรงซักอีก

       พราหมณ์เกวัฏจึงรีบทูลอธิบายต่อไปว่า “เมื่อนำตัวพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์มาสู่ปัญจาลนครได้แล้ว ก็จักทูลเชิญพระราชาทุกพระองค์ให้ร่วมดื่มน้ำจันฉลองชัยแด่พระองค์ แต่ว่าน้ำจันนั้นข้าพระองค์จะให้คนเจือยาพิษไว้

       เมื่อพระราชาเหล่านั้นดื่มน้ำจันเจือยาพิษสิ้นพระชนม์ไปหมดแล้ว ราชธานีทั้งร้อยเอ็ดพระนครก็จะตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ถึงตอนนั้นพระองค์ก็จะทรงเป็นจอมจักรพรรดิราชผู้ยิ่งใหญ่ กว่าผู้ใดในชมพูทวีปทีเดียว พระพุทธเจ้าข้า”

       พระเจ้าจุลนีทรงสดับอุบายนั้นแล้ว ก็ทรงปีติยินดียิ่งนัก ถึงกับตรัสชมพราหมณ์เกวัฏผู้เป็นต้นคิดว่า “แผนการของท่านอาจารย์ช่างแยบยลอะไรเช่นนี้ ดีละท่านอาจารย์ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงรีบเตรียมการเคลื่อนพลโดยเร็วเถิด” แผนการชั่วร้ายของพราหมณ์เกวัฏ บัดนี้ได้รับการสนองตอบแล้ว ความเดือดร้อนกำลังจะเกิดขึ้น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)